ใครกำลังแพลนทริปเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ขอบอกเลยว่าไต้หวันเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่น่าสนใจมากๆ เพราะไต้หวันได้ขยายเวลาฟรีวีซ่าให้เพื่อนๆ ที่ถือหนังสือเดินทางไทยได้ไปเที่ยวไต้หวันกันได้ยาวๆ ถึง 31 กรกฎาคม 2562 นี้ ใครยังไม่เคยไปขอให้รีบใช้โอกาสนี้เดินทางไปเที่ยวได้หวันกันเลยดีกว่า เพราะที่นี่นอกจากจะมีสถานที่เที่ยวไต้หวันน่าสนใจมากมายให้ได้ไปกันแล้ว ยังมีอาหารอร่อยๆ ให้ได้ทานอีกด้วย ซึ่งวันนี้เราก็ได้จัดทริปให้เพื่อนๆ ได้ตามไปเที่ยวกันเพลินๆ 4 วัน 3 คืน พร้อมแล้วก็ตามไปเที่ยวพร้อมกันเลย
วันที่ 1

วันแรกแนะนำให้เพื่อนๆ ออกเดินทางตั้งแต่เช้าเพื่อจะได้ไปถึงที่ไต้หวันตั้งแต่ช่วงเช้า มีเวลาออกไปเที่ยวในช่วงบ่ายวันแรก ซึ่งเราขอแนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka เพราะมีเที่ยวบินไปไต้หวันให้เลือกจองหลายสายการบิน หลายเวลาตามสะดวก แถมราคายังประหยัด ราคาแรกที่เห็นเท่ากับราคาสุดท้ายที่จ่ายจริง ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม และยังมีการเปรียบเทียบราคาแต่ละสายการบินให้เห็นๆ กันเลย โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปจองตัวเครื่องบินไปไต้หวันได้ที่ Traveloka
จองตั๋วเครื่องบินไปไต้หวันที่ Traveloka




ส่วนที่พักไต้หวันที่เราเลือกพักกันในทริปนี้คือ โรงแรมมิดทาวน์ ริชาร์ดสัน (Hotel Midtown Richardson) เพราะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ย่านซีเหมินติง (Ximending) ย่านท่องเที่ยวสุดฮอตฮิตในเมืองไทเปนั่นเอง แถมห้องพักยังเป็นสไตล์โมเดิร์น ตกแต่งด้วยสีโทนน้ำตาล – ครีม นอนหลับพักผ่อนสบายตลอดทั้งคืนแน่นอน โดยที่พักไต้หวันแห่งนี้ เราได้ทำการจองผ่าน Traveloka อีกเช่นกัน นอกจากโรงแรมมิดทาวน์ ริชาร์ดสันแล้ว บริเวณรอบๆ ในย่านซีเหมินติงยังมีที่พักให้เพื่อนๆ ได้เลือกอีกมากมาย เช่น ไดอารี่ออฟไทเป 2, เน็กซ์ ไทเป โฮสเทล-ซีเหมินติง หรือใครอยากจะลองเข้าไปดูที่พักไต้หวันอื่นๆ ก็สามารถไปเลือกดูกันเลย
เช็คที่พักไต้หวันกับ Traveloka คลิก




หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พักกันเสร็จแล้ว ครึ่งบ่ายวันแรกขอแนะนำให้เพื่อนๆ ซื้อทัวร์ครึ่งวันเมืองไทเปผ่าน Traveloka ซึ่งจะพาเพื่อนๆ ไปเยือน 3 สถานที่เที่ยวไต้หวัน พร้อมไกด์นำเที่ยวที่จะคอยเล่าเรื่องราวต่างๆ ของสถานที่เหล่านี้ให้ฟังกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ เริ่มกันตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น.


ที่เที่ยวไต้หวันที่แรกที่เราจะได้ไปกันก็คือ อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก หนึ่งในประธานธิปดีคนสำคัญของไต้หวัน ที่ปูรากฐานทางเศรษฐกิจและช่วยผลักดันให้ไต้หวันได้กลายเป็นประชาธิปไตย โดยบริเวณอนุสรณ์สถานมีสถาปัตยกรรมสไตล์จีนสีขาวขนาดใหญ่ มีหลังคาทรงแปดเหลี่ยมสีน้ำเงิน ภายในมีรูปปั้นของท่านตั้งอยู่ บริเวณหน้ารูปปั้นมีทหารคอยยืนเฝ้าอยู่ตลอดเวลา หนึ่งในไฮไลท์ของการมาเที่ยวอนุสรณ์สถานแห่งนี้คือการชมการเปลี่ยนทหารยาม ซึ่งจะมีทุกต้นชั่วโมงตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. นั่นเอง นอกจากนี้บริเวณด้านล่างยังมีส่วนจัดแสดงประวัติของอดีตประธานาธิบดีให้เพื่อนๆ ได้ลองไปชมกันอีกด้วย และภายนอกตัวอาคารยังเป็นสวนสวยๆ ที่คนไต้หวันส่วนใหญ่ชอบมาพักผ่อนกัน โดยเพื่อนๆ อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปบริเวณจุดนี้กันด้วย
เที่ยวไต้หวันที่ถัดมาที่ทัวร์จะพาเพื่อนๆ ไปก็คือทำเนียนประธานาธิบดี อาคารที่มีรูปร่างแปลกตาเมื่อเทียบกับอาคารโดยรอบ เพราะเป็นอาคารสไตล์ยุโรปดั้งเดิมผสมผสานทั้งศิลปะสไตล์เรอเนซองส์ สไตล์บาโรก และสไตล์นีโอคลาสสิก แต่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น เพราะถูกสร้างขึ้นในยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งภายในเปิดให้เพื่อนๆ เข้าไปเที่ยวชมได้บางส่วน โดยเราจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาคาร รวมไปถึงเรื่องราวของประธานาธิบดีในแต่ละสมัยของไต้หวันด้วย


ต่อกันที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติกู้กง พิพิธภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยสมบัติและศิลปะล้ำค่า จนนับได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดวัตถุโบราณที่มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก รวมแล้วกว่า 700,000 ชิ้นเลยทีเดียว ภายในมีส่วนจัดแสดงอยู่ 4 ชั้น ไฮไลท์ของที่นี่คือการชมหยกผักกาดขาว หยกที่มีสีขาวเขียวตามธรรมชาติ ไม่ได้มีการแต่งสีใดๆ โดยผักกาดขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งมีในสมัยก่อน อีกหนึ่งชิ้นงานที่ต้องไปชมก็คือหินหมูสามชั้น หินที่ผ่านกระบวนการย้อมสีผ่านการฉีดเข้าไปในรูเล็กๆ จนมีหน้าตาคล้ายกับหมูสามชั้นนั่นเอง และสุดท้ายจากบริเวณพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพื่อนๆ สามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำคีหลุงอันสวยงามได้อีกด้วย
จบไปแล้วหนึ่งวันในไทเป นับว่าคุ้มมากๆ กับการซื้อทัวร์ครึ่งวันในราคาไม่แพง แถมยังได้เที่ยวสถานที่เที่ยวไต้หวันอันสำคัญถึง 3 ที่ด้วยกัน ตอนเย็นก็ไปหาร้านอาหารทานของอร่อยๆ เก็บแรงไว้เที่ยววันต่อไปกันดีกว่า
วันที่ 2

เช้าวันที่สองรับรองว่าคนโสดจะต้องชอบ เพราะเราจะไปไหว้พระ ผูกด้ายแดงขอเนื้อคู่ที่วัดหลงซานกันสักหน่อย โดยวัดหลงซานนอกจากจะเป็นที่นิยมของชาวไต้หวันแล้วยังเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของคนโสดทั่วโลกที่ต้องเดินทางมาขอแฟนกัน ซึ่งเพื่อน ๆ จะต้องไปขอพรกับเทพเฒ่าจันทรา โดยวิธีการขอพรนั้นเพื่อนๆ จะต้องบอกรายละเอียดของเพื่อนๆ ให้ชัดเจน ชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ ที่อยู่คือที่ไหน จากนั้นให้อธิษฐานว่าจะขอด้ายแดงเรื่องความรัก แล้วลองโยนไม้เสี่ยงทายลงพื้น หากตอนโยนไม้ลงพื้นผลลัพธ์ที่ได้คือหงายและคว่ำ 3 ครั้งติดกัน เพื่อนๆ ก็สามารถเดินไปหยิบด้ายแดงจากเฒ่าจันทราแล้วนำไปวนขวา 3 รอบที่กระถางธูปเพื่อให้เส้นด้ายแดงไปตามหาเนื้อคู่ให้เราได้เลย


ส่วนช่วงบ่ายเราจะพาเพื่อนๆ ไปซื้อทัวร์พาเที่ยวที่เที่ยวไต้หวัน ไปชมหินหนานหย่าและหมู่บ้านจิ่วเฟิ่นกัน ซึ่งเราเลือกซื้อบริการทัวร์ผ่าน Traveloka เพราะทั้งสะดวก ง่าย จ่ายเงินออนไลน์ แล้วนำตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับทางอีเมล์โชว์ให้พนักงานได้เลย ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการเดินทาง แถมยังเก็บที่เที่ยวได้ครบอีกด้วย ทัวร์จะเริ่มตั้งแต่บ่ายโมงยาวไปจนถึงห้าโมงครึ่ง ซึ่งที่เที่ยวไต้หวันแรกที่ทัวร์จะพาไปก็คือการพาไปชมหินหนานหย่า หินที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลและลมจนกลายเป็นรูปทรงสวยแปลกตา แถมบริเวณฉากหลังยังเป็นท้องฟ้าและผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ แค่ได้ไปนั่งชมธรรมชาติเหล่านี้ก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว



ส่วนที่ถัดมานับเป็นที่เที่ยวไต้หวันที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง โดยจิ่วเฟิ่นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา มีเบื้องหน้าเป็นทะเล วิวที่นี่จึงเรียกได้ว่าตระการตามากๆ สองข้างทางเดินที่จิ่วเฟิ่นตกแต่งไปด้วยโคมไฟสีแดงสวยงาม มีจุดเด่นอยู่ที่โรงน้ำชาขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบโรงอาบน้ำในเรื่อง Spirited Away ด้วย นอกจากความสวยงามของอาคารบ้านเรือนและวิวทิวทัศน์ ที่นี่ยังมีของกินให้เพื่อนๆ ได้ไปเลือกกินอีกเพียบ! เช่น ร้านขายไส้กรอกหมูป่า ร้านขายลูกชิ้น ร้านน้ำชา และที่ห้ามพลาดคือร้าน Lai Ah Po Yu Yuan ร้านบัวลอยชื่อดัง ซึ่งบัวลอยไต้หวันจะเป็นแป้งหนึบๆ มีรสชาติหลากหลาย เช่น เผือก งาดำ ใบเตย บอกได้คำเดียวว่าอร่อยสุดๆ และเป็นการจบทัวร์แบบจุกๆ ไปเลย


หลังจากจบทัวร์ใครยังมีพื้นที่ในท้องว่าง อยากหาอะไรทานต่อ ขอแนะนำให้ไปตลาดกลางคืนซื่อหลิน รับรองว่ามีของกินให้เพื่อนๆ เลือกกินละลานตากว่า 500 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นชานมไข่มุก น้ำไข่กบชื่อดัง หรือจะเป็นเต้าหู้เหม็นที่ห้ามพลาดก็สามารถซื้อทานได้ที่ตลาดกลางคืนแห่งนี้เลย หลังจากกินกันจนอิ่มแล้ว ยังสามารถเดินหาซื้อของฝากในบริเวณนี้ได้อีกด้วย รับรองว่าไปซื่อหลินแค่คืนเดียว มีร้อยหมดร้อย มีล้านหมดล้าน
วันที่ 3


และแล้วก็มาถึงที่เที่ยวไต้หวันที่นับเป็นอีกไฮไลท์เด็ด นั่นก็คือการขึ้นไปชมวิวบนตึกไทเป 101 อดีตตึกที่เคยสูงที่สุดในโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 จนถึงปี พ.ศ. 2553 ที่นี่เพื่อนๆ จะได้ตื่นตาตื่นใจตั้งแต่การขึ้นลิฟท์ที่เร็วที่สุดในโลกไปยังจุดชมวิวชั้น 89 เดินชมวิวโดยรอบแบบ 360 องศา ซึ่งบอกได้เลยว่าวิวที่นี่สวยงามมาก ทั้งวิวเมืองและวิวภูเขา หลังจากนั้นใครอยากลองไปรับลมหนาวก็สามารถเดินขึ้นไปที่ชั้น 91 ซึ่งสามารถออกไปรับลมเย็นๆ บริเวณด้านนอกได้ และที่ห้ามพลาดคือการไปชมลูกตุ้มยักษ์หรือ Tuned Mass Damper ลุกตุ้มสีเหลืองขนาดยักษ์ที่แขวนอยู่ระหว่างชั้น 87 – 92 เป็นตัวช่วยลับของตึกนี้ให้สามารถตั้งไหวอยู่แม้มีแรงสะเทือนจากพายุหรือแผ่นดินไหวได้นั่นเอง นับเป็นนวัตกรรมที่เจ๋งมากเลยทีเดียว ส่วนใครสงสัยว่าซื้อบัตรเข้าไทเป 101 ให้ถูกและรวดเร็วต้องทำยังไง ต้องขอแนะนำให้ซื้อผ่าน Traveloka เลย เพราะมีสนนราคาอยู่ที่ 5XX บาท เท่านั้น หากไปซื้อบริเวณด้านหน้านั้นบอกได้แค่ว่า 600 บาทอัพแน่นอน
หลังจากนั้นเพื่อนๆ ยังสามารถลงมาชอปปิ้งกันต่อได้บริเวณด้านล่างของตึก ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชั้น B1 ไปจนถึงชั้น 4 บริเวณนี้มีสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ทั้ง Chanel, Dior, Gucci, Versace และแบรนด์เนมหรูอีกมากมายให้เลือกซื้อกัน หรือถ้าใครหิวก็สามารถแวะไปทานเสี่ยวหลงเป่าชื่อดังของ Din Tai Fung กันได้ที่ชั้น B1 เช่นกัน


ช่วงบ่ายไปต่อกันที่ย่านตอนเหนือของไทเป นั่นก็คืออุทยานธรณีเย่หลิว ที่เที่ยวไต้หวันที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าเหมือนได้ออกไปไกลถึงดาวอังคาร เพราะเต็มไปด้วยหินรูปร่างสวยงามแปลกตาที่เกิดจากการสร้างสรรค์โดยธรรมชาติของน้ำและลม หินที่เพื่อนๆ ต้องไปชมให้ได้ก็ได้แก่ หินศรีศระราชินี หินที่เหมือนราชินีหันข้าง โดยการมาเที่ยวที่เย่หลิวนั้นเพื่อนๆ จะต้องซื้อบัตรเข้าอุทยานด้วย แต่ขอแนะนำให้ซื้อกันมาล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องต่อคิว ไปถึงก็แสกน QR Code แล้วเข้าไปชมอุทยานฯ ได้เลย โดยเพื่อนๆ สามารถซื้อบัตรล่วงหน้าได้ที่ Traveloka


หลังจากนั้นเราขอชวนเพื่อนๆ ให้ตามไปช้อปปิ้ง หาของอร่อยๆ ทานกันที่ถนนคนเดิน Tamsui ซึ่งมีทั้งร้านค้าให้เลือกซื้อของ และของกินให้เลือกกินเพียบ นอกจากนี้บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยและโรงเรียน เพื่อนๆ จะได้เห็นวัยรุ่นมาใช้ชีวิต นั่งคาเฟ่ อ่านหนังสือกันอีกด้วย ที่สำคัญยังมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าสวยที่สุดในไทเปให้เพื่อนๆ ได้ไปชมกัน
วันที่ 4



วันสุดท้ายขอเอาใจทาสแมวด้วยการพาทาสแมวไปตะลุยหมู่บ้านแมว Houtong Cat Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดปลายทางรถไฟ ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาเขียวขจี ในอดีตบริเวณนี้เป็นเหมืองถ่านหิน แต่เมื่อย้ายออกไปก็เหลือผู้อยู่อาศัยไม่กี่คน แถมยังมีเจ้าแมวเหมียวถูกทิ้งขว้างอยู่เพียบ หลังจากนั้นไม่นานพื้นที่แห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนาใหม่จนกลายเป็นหนึ่งในที่เที่ยวไต้หวันดึงดูดทาสแมวให้มาเยือนกัน ที่นี่เพื่อนๆ สามารถเดินเล่น พร้อมแวะเที่ยวคอยลูบไล้ให้อาหารน้องแมวที่นอนเรียงรายอยู่ตามสองข้างทางได้ แถมยังมีคาเฟ่ ร้านน้ำชา ร้านของฝากที่ระลึกในธีมแมวเหมียวให้ได้ซื้อกลับไปฝากทาสแมวทางบ้านได้อีกด้วย
ทริปไต้หวันทริปนี้บอกได้คำเดียวว่าสะดวกสบายเพราะมี Traveloka เป็นตัวช่วยทั้งด้านการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก แถมฟีเจอร์ใหม่อย่างการจองทัวร์ หรือซื้อบัตรเข้าสถานที่เที่ยวต่างๆ ก็ยิ่งช่วยให้การเดินทางไปเที่ยวไต้หวันครั้งนี้เที่ยว ง่าย สะดวกกว่าครั้งไหนๆ เลยจริงๆ หากใครอยากลองดูว่ามีสถานที่เที่ยวไต้หวันและกิจกรรมอะไรในไต้หวันให้เลือกอีกบ้างบน Traveloka ก็สามารถเข้าไปเลือกชมกันได้เลย รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
by Traveloka MAy2019